สำหรับคนที่มีไอเดีย มีความคิดสร้างสรรค์ และมีผลงานการประดิษฐ์และออกแบบที่ไม่เหมือนใคร และต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจขนาดเล็กแบบ SME ควรทำความรู้จักกับการจดสิทธิบัตรซึ่งเป็นกฎหมายสำหรับการคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์และการออกแบบผลิตภัณฑ์ และมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมาก เพราะการจดสิทธิบัตรจะช่วยให้คุณสามารถนำพาแบรนด์ไปสู่ตลาดโลกได้อย่างราบรื่น พร้อมป้องกันการถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาผ่านโลกโซเชียลได้อีกด้วย

1. สิทธิบัตร คืออะไร?

สิทธิบัตร เป็นหนังสือสำคัญที่รัฐบาลออกให้ผู้จดสิทธิบัตรเพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์หรือออกแบบสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งมีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญา การมีสิทธิบัตร จะทำให้ผู้จดสิทธิบัตรมีสิทธิในการผลิต และจำหน่ายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เหล่านั้นแต่เพียงผู้เดียวในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

สิทธิบัตร จึงเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญสำหรับผู้ประกอบธุรกิจ SME ที่มีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นสิ่งใหม่ หรือแตกต่างจากสินค้าทั่วไปในท้องตลาด หรือไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ตัวหลักที่ใช้ในการพัฒนาธุรกิจ โดยได้รับสิทธิทั้งในการผลิตและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้าเหนือคู่แข่งได้ และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลอกเลียนแบบ หรือนำไปผลิตซ้ำ เพื่อมาจำหน่ายแข่งกับคุณ

2. ประเภทสิทธิที่ธุรกิจ SME ควรให้ความใส่ใจ

สิทธิบัตรที่ผู้ประกอบการ SME ควรรู้จัก และให้ความสำคัญจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ซึ่งได้แก่ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ และสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยทั้ง 2 ประเภทจะมีความสำคัญที่ต่างกัน ดังนี้

สิทธิบัตรการประดิษฐ์

สิทธิบัตรประเภทแรกคือ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ ซึ่งมีไว้เพื่อคุ้มครองและปกป้องการประดิษฐ์ใหม่ที่มีหน้าที่ต่อการใช้งาน หรือมีประโยชน์ใช้สอย โดยการประดิษฐ์ในที่นี้รวมถึงลักษณะขององค์ประกอบ กลไกการทำงานของสิ่งประดิษฐ์ โครงสร้างของสิ่งประดิษฐ์ ไปจนถึงกระบวนการทำงาน และกรรมวิธีในการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ ซึ่งสิทธิบัตรการประดิษฐ์ จะมีอายุ 20 ปี นับจากวันที่ยื่นจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ และจะมีผลคุ้มครองภายในประเทศที่ยื่นจดสิทธิบัตรเท่านั้น

สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์

สำหรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นสิทธิบัตรที่คุ้มครองด้านการออกแบบกับลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง รูปทรง สี หรือองค์ประกอบลวดลาย โดยสิทธิบัตรประเภทนี้ จะมีอายุ 10 ปี นับจากวันที่ยื่นขอรับสิทธิบัตร

ซึ่งการจดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์จะมีเกณฑ์กำหนดไว้ว่า การออกแบบผลิตภัณฑ์แบบใดบ้างที่ไม่ใช่การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ และการออกแบบผลิตภัณฑ์แบบใดที่ไม่สามารถจดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  1. แบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่
    • แบบผลิตภัณฑ์ที่มีหรือใช้กันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว
    • แบบผลิตภัณฑ์ที่ได้มีการเปิดเผยภาพ สาระสำคัญ และรายละเอียดในเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ก่อนวันยื่นขอสิทธิบัตร ไม่ว่าจะในหรือนอกราชอาณาจักร
    • แบบผลิตภัณฑ์ที่ได้มีการประกาศโฆษณามาก่อน
    • แบบผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกับแบบผลิตภัณฑ์ประเภทที่ 1.1 – 1.3
  2. แบบผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน
  3. แบบผลิตภัณฑ์ที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

3. คุณสมบัติของสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถรับการจดสิทธิบัตรได้

เมื่อได้ทำความรู้จักกับสิทธิบัตรทั้งสองประเภทที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ SME ไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องรู้เพื่อให้คุณสามารถประเมินได้ว่าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่คุณมีอยู่ สามารถจดสิทธิบัตรได้หรือไม่ นั่นก็คือเรื่องของคุณสมบัติสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถยื่นขอจดสิทธิบัตรได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่จะยื่นขอสิทธิบัตรได้ จะต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ซึ่งหมายความว่า ยังไม่เคยมีการจำหน่ายหรือขายสินค้าประเภทนี้มาก่อน
  2. ผลิตภัณฑ์ที่จะจดสิทธิบัตรได้ จะต้องมีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่สูงขึ้นกว่าที่เคยมีมา หรือไม่เป็นที่เข้าใจต่อผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ในแวดวงเดียวกัน
  3. ผลิตภัณฑ์ที่จะยื่นขอจดสิทธิบัตร จะต้องสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอุตสาหกรรม หัตถกรรม เกษตรกรรม และพาณิชยกรรมได้

สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่ผู้ประกอบการ SME ไม่ควรพลาด เพราะการจดสิทธิบัตรจะช่วยให้คุณสามารถต่อยอดการทำธุรกิจได้อีกหลายระดับ และสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ SME ที่มีข้อสงสัย หรือต้องการใช้บริการด้านการจดสิทธิบัตร ATPSERVE พร้อมให้คำปรึกษาแบบครบวงจร เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี