สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ SME หรือองค์กรขนาดใหญ่ นอกจากความรู้เรื่องธุรกิจที่ทำจะต้องมีความเชี่ยวชาญแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญเช่นกัน คือเรื่องของการจดแจ้งลิขสิทธิ์ในผลงานหรือสินค้าของบริษัท เพราะการจดลิขสิทธิ์นั้นจะส่งผลดีต่อการทำงานภายในองค์กรของคุณในระยะยาว
มาทำความรู้จักและเห็นถึงความสำคัญของการจดแจ้งลิขสิทธิ์ว่าคืออะไร รวมถึงมารู้กันว่าหากต้องการจดแจ้งลิขสิทธิ์ กฎหมายจะครอบคลุมสินค้าแบบไหนบ้าง? และหากถูกละเมิดเราจะสามารถปกป้องสิทธิ์ของเราได้อย่างไร? มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
ลิขสิทธิ์ คืออะไร?
ลิขสิทธิ์ (Copyright) คือทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง ที่ผู้สร้างสรรค์ใช้สติปัญญา ความรู้ หรือความคิด ในการสร้างผลงานขึ้นมา และได้นำหลักฐานในการทำงานไปจดแจ้งลิขสิทธิ์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อรับรองว่าตนเองเป็นเจ้าของสิทธิ์ในผลงานที่แจ้งไว้ และผลงานนั้นจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์
ในปัจจุบันมีผลงานที่ต้องการจดแจ้งลิขสิทธิ์อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ว่าผลงานทุกประเภทจะได้สามารถจดลิขสิทธิ์ได้ โดยประเภทของผลงานที่ได้รับการคุ้มครองจะมีดังนี้
ประเภทผลงานที่เป็นลิขสิทธิ์
ในพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ได้นิยามประเภทผลงานที่เป็นลิขสิทธิ์เอาไว้ดังนี้
- งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ คำปราศรัย สุนทรพจน์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์
- งานนาฏกรรม เช่น งานที่เกี่ยวกับการรำ การเต้น การทำท่า หรือการแสดงที่ประกอบเป็นเรื่องราว รวมถึงการแสดงละครใบ้
- งานศิลปกรรม เช่น งานจิตรกรรม งานประติมากรรม งานภาพพิมพ์ งานสถาปัตยกรรม งานภาพถ่าย งานภาพประกอบ และงานศิลปประยุกต์
- งานดนตรีกรรม เช่น งานเกี่ยวกับเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อบรรเลงหรือขับร้อง รวมถึงโน้ตเพลงหรือแผนภูมิเพลงที่แยกและเรียบเรียงเสียงประสานแล้ว
- งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น งานประกอบด้วยเสียงดนตรี เสียงการแสดง หรือเสียงอื่นใด โดยได้มีการบันทึกข้อมูลเสียง ที่สามารถนำมาเล่นซ้ำได้
- งานโสตทัศนวัสดุ เช่น งานที่ประกอบด้วยลำดับภาพ โดยที่บันทึกลงในวัสดุใด ๆ ที่สามารถนำมาเล่นซ้ำได้อีก
- งานภาพยนตร์ เช่น โสตทัศนวัสดุอันประกอบด้วยลําดับของภาพ ซึ่งสามารถนําออกฉายต่อเนื่องได้
- งานแพร่ภาพและเสียง เช่น งานที่นำออกสู่สาธารณชน โดยการแพร่เสียงทางวิทยุ การแพร่เสียงและภาพทางโทรทัศน์
- นักแสดง เช่น ผู้แสดง นักดนตรี นักร้อง นักเต้น นักรำ และผู้ที่แสดงท่าทาง ร้อง กล่าว พากย์ หรือแสดงตามบท
ประเภทผลงานที่ไม่ถือเป็นลิขสิทธิ์
ในพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ได้นิยามประเภทผลงานที่ไม่เป็นลิขสิทธิ์ไว้ดังนี้
- ข่าวประจำวันและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร
- รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- รวมถึงคำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตามข้อ 1 – 4
สิทธิในลิขสิทธิ์ของเจ้าของผู้จดแจ้งสามารถทำได้
สำหรับผลงานที่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้นำไปจดแจ้ง จะเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถกระทำการใด ๆ กับผลงานลิขสิทธิ์ของตนเองได้ โดยมีอยู่ 6 รูปแบบด้วยกัน
- การทำซ้ำ คือการนำผลงานไปคัดลอก ทำการเลียนแบบ จัดการพิมพ์ หรือบันทึกภาพใหม่
- การดัดแปลง คือการนำผลงานไปทำการปรับปรุง เปลี่ยนรูปแบบ หรือแก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่ใช่การนำไปจัดทำขึ้นมาใหม่
- การเผยแพร่ต่อสาธารณะ คือการนำผลงานไปปรากฏหรือแสดงต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การบรรยาย การบรรเลง ที่เป็นการทำให้ปรากฏด้วยเสียงและหรือภาพก็ตาม
- การให้เช่าหรือทำสำเนา คือการนำผลงานไปให้เช่าหรือทำสำเนา ในรูปแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง เท่านั้น
- การทำให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น คือการนำผลงานไปทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ โดยสามารถกำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มได้ตามที่เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องการ
- อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ์ คือการที่เจ้าของลิขสิทธิ์อนุญาตให้ผู้อื่นใช้งานลิขสิทธิ์ของตนเองแทนได้
ลิขสิทธิ์ Vs เครื่องหมายการค้าต่างกันอย่างไร?
ลิขสิทธิ์ เป็นสิ่งคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ในรูปแบบของงานหรือความคิดสร้างสรรค์ โดยจะให้สิทธิกับผู้สร้างสรรค์เพียงคนเดียวที่จะสามารถกระทำการใด ๆ กับผลงานนั้นก็ได้ ในขณะที่ เครื่องหมายการค้า เป็นสิ่งที่คุ้มครองชื่อ ยี่ห้อ แบรนด์ ตราสินค้า เครื่องหมาย สัญลักษณ์ที่ใช้กับสินค้า เพื่อแสดงความแตกต่างจากสินค้าอื่นและป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม
หากถูกละเมิดลิขสิทธิ์ต้องทำอย่างไร?
หากมีการละเมิดสิทธิ์เกิดขึ้น เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องเตรียมเอกสารส่วนตัว หลักฐานการสร้างสรรค์ผลงาน หรือหลักฐานที่แสดงความเป็นเจ้าของ รวมถึงตัวอย่างงานที่ได้รับการละเมิด โดยสามารถรวบรวมและนำไปทำการร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
- กรณีที่เสียหายต่อชื่อเสียง เตรียมหลักฐานที่พบว่ามีการกระทำความผิดไปแจ้งความ ณ สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ
- กรณีที่เสียหายต่อทรัพย์ เตรียมหลักฐานที่พบการกระทำความผิด การหลอกลวง หลักฐานการโอนเงิน และไปแจ้งความ ณ สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ
หากคุณเป็นหนึ่งในเจ้าของธุรกิจมือใหม่ ที่มีข้อสงสัยหรือต้องการใช้บริการเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ ATP Serve เราคือผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษา เรามีบริการด้านลิขสิทธิ์แบบครบวงจร สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจทุกประเภท ในราคาที่เหมาะสม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดต่อเราได้ที่ contact@atpserve.com