น้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั่วไปมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว พัฒนามาจากสิทธิบัตรน้ำโซดา ที่ซึ่งในท้องตลาดมีน้ำอัดลมมากมายหลายเจ้าแข่งขันกัน แถมยังมีหลากหลายรสชาติให้เลือกดื่ม วันนี้ ผมจะมาเล่าให้ฟังว่า น้ำอัดลมนั้นมีที่มาอย่างไร

สารบัญ

น้ำอัดลม ยุคแรกถือเป็น “เครื่องดื่มสุขภาพ”

ในอดีต ผู้คนนิยมดื่มน้ำแร่ชนิดมีฟองเพราะเชื่อว่ามีสรรพคุณช่วยรักษา หลังจากนักวิทยาศาตร์ค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้น้ำมีความซ่าก็คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้เริ่มมีการคิดค้นเครื่องจักรที่สามารถทำน้ำโซดาขึ้นมา

ในปี 1810 Simons และ Rundell จาก South Carolina ได้ จดสิทธิบัตร กรรมวิธีการผลิตน้ำโซดาในปริมาณมากๆ แต่เครื่องดื่มอัดลมก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมจนกระทั่งปี 1832 เมื่อ John Mathews ได้ประดิษฐ์เครื่องทำน้ำโซดาและผลิตออกขายจำนวนมาก

โค้ก น้ำอัดลม

เนื่องจากน้ำโซดาถือเป็นเครื่องดื่มสุขภาพในสมัยนั้น จึงมีการขายน้ำโซดาในร้านขายยา และมีการใส่สมุนไพรเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณทางยา อย่างเช่น John Pemberton เภสัชกรในเมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา ที่สรรหาวัตถุดิบที่ให้กลิ่นและรสชาติที่ดีมาผสมกับน้ำโซดา จนกลายเป็นโค้กที่เราดื่มกันจนทุกวันนี้

ฝาจีบและขวดแก้ว

น้ำอัดลม ในขวดแก้วกับฝาจีบคงเป็นภาพจำในอดีตของใครหลายๆ คน เพราะก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขวดพลาสติก น้ำอัดลมจะอยู่ในขวดแก้วที่ปิดด้วยฝาจีบเสมอ ในสหรัฐอเมริกา สิทธิบัตรกว่า 1,500 ฉบับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับจุกก๊อก และฝาขวดน้ำอัดลม เพราะน้ำอัดลมมีแรงดันจากแก๊สมาก ผู้ผลิตจึงต้องหาทางประดิษฐ์ฝาที่สามารถปิดฝาขวดได้สนิทและไม่ทำให้แก๊สภายในขวดรั่วออกมา ซึ่งฝาแบบจีบก็ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อการนี้ และได้รับสิทธิบัตรในปี 1892

ทางด้านขวดแก้วเองก็มีการพัฒนาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมน้ำอัดลมที่โตขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 1899 ได้มีการจดทะเบียนสิทธิบัตรเครื่องเป่าแก้วอัตโนมัติขึ้น ทำให้การผลิตขวดแก้วทำได้มากขึ้นกว่าเดิม

สรุป

น้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนี้ แม้จะมีต้นกำเนิดจากเครื่องดื่มสุขภาพก็จริง แต่ด้วยปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป ปัจจุบันจึงกลายเป็นเครื่องดื่มที่ถูกมองว่าทำลายสุขภาพไปเสียแล้ว

เพิ่มเติม